Menu

Jordan Tours

Package

โปรแกรม 3 วัน 2 คืน
โปรแกรม 4 วัน 3 คืน
โปรแกรม 5 วัน 4 คืน

กรุงอัมมาน
กรุงอัมมาน
Amman City
ป้อมปราการ แห่งกรุงอัมมาน
Citadel of Amman
วิหารเทพเฮอร์คิวลิส
The Temple of Hercules
พระราชวังอุมัยยะห์
The Umayyad Palace
โบสถ์ไบเซนไทน์
Byzantine Church
พิพิธภัณฑ์
Archaeological Museum
เมืองมาดาบา และเมาท์ เนโบ

เมือง มาดาบา (Madaba) หรือ เมืองแห่งโมเสก ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้น แสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  เยรูซาเลม แม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี เขาไซนาย อียิปต์ ฯลฯ

เมาท์ เนโบ (Mount Nebo) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์ที่เดินทางจากประเทศอิยิปต์มายังเยรูซาเล็ม ชมโบสถ์แห่งเมาท์เนโบ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.300 -400 ในช่วงยุคไบแซนไทน์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส  ภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้ำ แท่นประกอบพิธีกรรม ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆ รูปภาพและรายละเอียดต่างๆ แสดงถึงการบูรณะโบสถ์ บ่อศีลจุ่ม เป็นต้น ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญ ณ ที่แห่งนี้ และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์

อนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นรูปไม้กางเขนสัญลักษณ์ของคริสตร์ศาสนา เพื่อระลึกถึง โมเสส และพระเยซู   อิสระถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี เมืองเบธเลเฮม และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน 

ปราสาทเครัค (Kerak Castel) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 เชื่อกันว่าออกแบบโดยกษัตริย์แห่งอิสราเอลในขณะนั้น ปราสาทตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงอัมมานประมาณ 124 กิโลเมตร ตัวปราสาท มี 7 ชั้น ในแต่ละชั้นแบ่งเป็น คุกใต้ดิน ห้องครัว และโบสถ์

Karak มีชื่อในภาษาฮีบรูว่า Wall of Potsherds ในสมัยโบราณเป็นเมืองหลวงของชาวโมอาบ Karak มีชื่อเสียงมากเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องในสงครามครูเสดในศตวรรษที่ 12 ปราสาทเครัคเป็นฐานที่มั่นสำหรับสงครามครูเสดระหว่างพวกครูเสดกับกองทัพของซาลาดิน สุลต่านองค์แรกของอียิปต์และซีเรีย หลังจากการต่อสู้หลายปี ในที่สุดปราสาทก็ถูกกองทัพของซาลาดินโค่นล้ม

เมืองจีราช

 เมืองจีราช (Jerash) หรือ เมืองพันเสา อยู่ทางทิศเหนือของประเทศจอร์แดน อดีตเป็นหัวเมืองเอก 1 ใน 10 ทาง ตะวันออกของอาณาจักรโรมัน และเชื่อว่าเป็นเมืองอนาจักรโรมันที่สร้างขึ้นใหญ่ที่สุดในโลก สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200–100ปี ก่อนคริสตกาล ในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า Grashu จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Gerasu และเมื่อกองทัพมุสลิมเข้ายึดครองจึงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น Jerash ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 749 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ นครแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทั้งเมืองถูกฝังกลบด้วยทราย หายสาบสูญไปนานนับพันปี 

ซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน และ สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม ทางเข้าประตูทางทิศใต้จะพบ โอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง วิหารเทพซีอุส เป็นต้น ชมโรงละครทางทิศใต้ (สร้างประมาณปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์ เพียงพูดเบา ๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา ชมวิหารเทพีอาร์เทมิสเป็นเทพีประจำเมืองจีราช สร้างในปี ค.ศ.150 สร้างขึ้นเพื่อใช้ทำพิธีบวงสรวงและบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน

เดินเข้าสู่ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า -ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนยังมีร่องรอยของล้อรถม้า  ฝาท่อระบายน้ำ ซุ้มโคมไฟ บ่อน้ำดื่มของม้า ชมน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมือง มี ที่พ่นน้ำรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด ประดับประดาด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ

เมืองอัจลุน

เมืองอัจลุน อยู่ทางตอนเหนือของเมืองจีราชไปเล็กน้อย เมืองตั้งอยู่บนภูเขาสูงที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าสนและต้นมะกอก ชมปราสาทแห่งเมืองอัจลุน สร้างโดยนักรบมุสลิมในปี ค.ศ. 1184-1185ใช้เป็นป้อมทหารในการต่อสู้รบกับพวกนักรบครูเสดและในปี ค.ศ.1260 ถูกทำลายโดยกองทัพมองโกล

เมืองเพตรา

เมืองเพตรา (Petra) (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA) มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งชาวอีโดไมท์ จวบจนกระทั่งถึงยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูในการเข้ามาครอบครองดินแดนของชาวอาหรับเผ่าเร่ร่อนนาบาเทียน ในช่วงระหว่าง 100 ปี ก่อนคริสตกาล – ปี ค.ศ 100 และได้เข้ามาสร้างอาณาจักร, บ้านเมือง ฯลฯ จนกระทั่งในปีค.ศ. 106 นครแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันที่นำโดย กษัตริย์ทราจัน และได้ผนึกเมืองแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในอาณาจักรโรมันแห่งแหลมอาระเบียตะวันออก

เดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง SIQ เส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (EL-KHAZNEH / TREASURY) สันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้นเป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์ กรีก นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบด้วย 3 ห้อง คือ ห้องโถงใหญ่ตรงกลางและห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวาเดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อิยิปต์ วิหารและเมืองแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์สุดอมตะ เรื่องอินเดียน่าโจนส์ ภาค 3 ขุม ทรัพย์สุดขอบฟ้า (Indiana Jones and the Last Crusade)

โรงละคโรมัน (ROMANTHEATRE) ที่แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเทียนต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครองได้ต่อเติมและสร้างเพิ่มเติม มีที่นั่ง 32 แถว จุผู้ชมได้ประมาณ 3,000 คน / อิสระในการเดินชมและถ่ายรูปภายในเมืองเพตร้า

ทะเลสาบเดดซี Dead Sea

ทะเลสาบเดดซี ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือ กินเนสส์ ว่า เป็นจุดที่ต่ำทีสุดในโลก ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และเค็มที่สุดในโลก เค็มมากกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยสามารถอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ เชิญท่านอิสระในการเล่นน้ำทะเล และพิสูจน์ว่าสามารถลอยตัวในน้ำได้แม้ว่ายน้ำไม่เป็น (ทะเลสาบเดดซี มีบริการพอกโคลนเดดซี ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด ประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 JD หรือประมาณ 150 บาท และมีบริการห้องอาบน้ำส่วนตัว โปรดเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ เช่น สบู่ ยาสะผม และผ้าขนหนูไปด้วย)

ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum)

ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) หรือที่รู้จักกันในนาม “หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley of the Moon) วาดิรัม เป็นทะเลทรายที่มีชื่อเสียงว่าสวยที่หนึ่งของโลก อยู่ท่ามกลางหุบเขาหินทราย (sandstone) ทำให้ทรายมีสีออกแดง ต่างจากทะเลทรายที่อื่นๆ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล (นับถึงตอนนี้ก็ราว 1 หมื่นปี) แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง หาสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยากก็ตาม ในทะเลทรายวาดิรัมมีภาพเขียนฝาหนังของมนุษย์ยุคโบราณหลายจุด แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศ ซาอุดิอาราเบีย เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปี ค.ศ. 1916—1918 ทะเลทราย แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และ เจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่ง ชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานทีถ่ายทำภาพยนต์ Hollywood เช่นเรื่อง  Lawrence of Arabia, Transformer, The Martial

เมืองอคาบา Aqaba

เมืองอคาบา เป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ของประเทศจอร์แดน เป็นจุดเดียวของประเทศจอร์แดนที่มีทางออกทะเล เมืองนี้อยู่ติดปลายเหนือสุดของทะเลแดง ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญที่สามารถเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล หรือประเทศอียิปต์ได้ Aqaba เป็นศูนย์กลางของการพักผ่อนบนชายหาด มีรีสอร์ทขนาดใหญ่เรียงรายไปตามทะเลแดงจากใจกลางเมือง และทางใต้ไปตามปลายด้านตะวันออกของอ่าว Eilat เป็นศูนย์รวมการดำน้ำ และกิจกรรมกีฬาทางน้ำ เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปในช่วงฤดูหนาว มีสนามบิน Aqaba และเที่ยวบินราคาประหยัดไปยังสนามบิน Ovda Eilat ของอิสราเอลด้วย

นำท่านขึ้นเรือท้องกระจก ชมความสวยงสมของทะเลแดง (Red Sea) ทะเลที่ขึ้นชื่อว่าว่าสวยงามติดอับดับโลก และเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ ที่ใฝ่ฝันอยากมาดำน้ำ (Scuba) ซักครั้งที่ทะเลแดง (Red Sea)