Menu

Luxor

โปรแกรมท่องเที่ยว Luxor

(ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี)

ลักซอร์ เป็นเมืองบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ทางตอนใต้ของอียิปต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองธีบส์ของอียิปต์โบราณ ลักซอร์มักได้รับการขนานนามว่าเป็น “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” เนื่องจากมีซากปรักหักพังของวิหารยิ่งใหญ่ของอียิปต์ คือ Karnak Temple และ Luxor Temple ตั้งตระหง่านอยู่ในเมือง ส่วนอีกฟากของแม่น้ำไนล์ เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถาน วัด และสุสานมากมาย เช่น Valley of the Kings และ Valley of the Queens

อุณหภูมิเฉลี่ย (°C)ม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.
สูงสุด / ต่ำสุด22/623/728/1133/1639/2141/2341/2439/2338/2133/1728/1123/7

รูปสลักแห่งเมมนอน (Colossi of Memnon)เป็นรูปสลักยักษ์ใหญ่ ที่ประทับนั่งอยู่ด้านหน้าไพลอน (Pylon) หรือ ซุ้มประตูแบบอียิปต์โบราณ หน้าวิหารของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 3 ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล มีความสูงราวๆ 20 เมตร ที่ทุกวันนี้เหลือแต่รูปปั้นทั้ง 2 แต่ไม่หลงเหลือซากของโบราณสถาน หรือกำแพงอาคารใดๆ แล้ว ความน่าอัศจรรย์ที่ทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดท่องเที่ยวยอดนิยมมากๆ ของนักท่องเที่ยวมาที่เยือนอียิปต์ ก็เพราะมีตำนานว่ารูปสลักทั้งสองรูปนี้เคย “ร้องเพลง” ในยามอรุณรุ่งได้ด้วย เพราะในอดีตเมื่อนักเดินทางชาวกรีก-โรมันใน ผ่านมาเห็นรูปสลักนี้ในยามเช้า จะได้ยินเสียงที่รูปสลักกระซิบออกมาคล้ายเสียงเพลง มีทั้งตำนาน เรื่องเล่าต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องของเทพเจ้า และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ ความรุ่งเรืองของอียิปต์โบราณที่คงปรากฏเป็นหลักฐานที่พบเห็นได้จนถึงปัจจุบัน นับเป็นความน่ามหัศจรรย์ที่ก่อกำเนิดมาจากการก้าวหน้าทางวิทยาการหลายๆ ด้านบนลุ่มแม่น้ำไนล์แห่งนี้ ที่มีเสน่ห์เย้ายวนให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวชมกันอย่างมากมายมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบันนี้

หุบผากษัตริย์ (The Valley of the Kings)  ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ที่เทือกเขาทีบัน ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ หรือเมืองลักซอร์ในปัจจุบัน เป็นที่ฝังพระศพของฟาโรห์ 65 พระองค์ สุสานแห่งนี้มีทั้งบรรพกษัตริย์ เหล่าราชวงศ์และขุนนางในราชอาณาจักรใหม่ (ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 ถึง 20 ของอียิปต์โบราณ) ถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอียิปต์ที่มีการขุดค้นทางโบราณคดีเกือบศตวรรษ มีอายุกว่า 3,000 ปี ภายในวิหารเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมงดงาม สีของภาพยังคงดูสดใส มีชีวิตชีวาอยู่ และมีสุสานของฟาโรห์ตุตันคาแมนและสุสานของพระนางฮัตเซบสุด สุสานเหล่านี้เป็นสุสานที่ถูกเลือกให้เป็นสุสานที่เก็บ มัมมี่และสมบัติของกษัตริย์ หุบผากษัตริย์ โด่งดังมาจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน (ที่เป็นที่เลื่องลือด้านคำสาปฟาโรห์) และยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่โบราณคดีที่โด่งดังที่สุดในโลก ในปี ค.ศ. 1979 ถูกยกให้เป็นมรดกโลก ร่วมกับส่วนที่เหลือของธีบันเนโครโพลิส และปัจจันยังคงดำเนินการขุดค้นหาวัตถุโบราณ และค้นพบวัตถุโบราณอย่างต่อเนื่อง ตั๋วเข้าชมได้ 3 หลุม ไม่รวมหลุมศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน (ค่าเข้าชมหลุมศพฟาโรห์ตุตันคาเมน ประมาณ 250 EGP หรือประมาณ 500 บาท)

หุบผาราชินี (Valley of the Queens) หุบผาราชินี ในสมัยโบราณเรียกว่า Ta set Neferu มีความหมายว่า The place of beauty ใช้เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระราชินีและพระราชวงศ์ผู้หญิง เริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรใหม่ หุบผาราชินี เป็นที่ฝังศพของเหล่าราชินีแดนไอยคุปต์ ในยุคกลางและยุคใหม่ สุสานในหุบผาราชินี ส่วนมากเล็กและไม่อลังการเท่าสุสานกษัตริย์ แต่มีอยู่สุสานหนึ่งที่สวยงาม และอยู่ในสภาพดีมากอย่างเหลือเชื่อ นั่นคือสุสานของพระราชินีเนเฟอตารี มเหสีอันเป็นที่รักของฟาร์โรห์รามเสสที่ 2 พระนางเนเฟอร์ตารีได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามแห่งยุค ถึงกับมีคำกล่าวว่า พระนางคือ Beauty of all beauties .. แต่ที่มาของพระนางนั้นลึกลับ ไม่มีบันทึกหลงเหลืออยู่ว่าพระนางมาจากไหน พ่อแม่เป็นใคร ตั๋วเข้าชมได้ 3 หลุม ไม่รวมหลุมศพของพระนางเนเฟอร์ตารี (QV66) (ค่าเข้าชม ประมาณ 1,500 EGP หรือประมาณ 2,500 บาท)

วิหารฮัทเทปซุท (Mortuary Temple of Hatshepsut) เป็นวิหารที่ตั้งอยู่ใกล้หุบผากษัตริย์ (Valley of the Kings) และปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์โบราณ วิหารแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิก “เซเนมุท” และสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ฟาโรห์หญิงฮัตเชพซุต ที่รู้จักในนาม “ราชินีหนวด” ที่มีอายุยืนยาวที่สุดของลักซอร์อียิปต์ ฟาโรห์หญิงองค์เดียวในประวัติศาสตร์อียิปต์ ที่รุ่งเรืองมาก พระองค์เป็นสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกยุคนั้น และทรงความสามารถด้านการปกครองยิ่งกว่าฟาโรห์บุรุษส่วนมาก ทรงเชี่ยวชาญด้านการปกครองและแสดงความเป็นผู้นำจนข้าราชสำนักต่างประจักษ์ในความสามารถ ฟาโรห์หญิง Hatshepsut เป็นชายาของฟาโรห์ Tuthmose II เมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ พระนางได้ตั้งตนเองเป็นผู้สำเร็จราชการและสถาปนาตนเองเป็นฟาโรห์ในเวลาต่อมา แทนฟาโรห์  Tuthmose III ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงและยังทรงพระเยาว์ในขณะนั้น ในการออกว่าราชการพระนางมักใส่เคราปลอมให้มีลักษณะคล้ายผู้ชาย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในการเป็นฟาโรห์ของพระนาง จึงได้สมญานามว่า ราชินีหนวด  วิหารที่สมบูรณ์จะมี 3 วิหารเชื่อมต่อกัน คือ Temple of MentuhotepTemple of Tuthmose III และ Temple of Hatshepsut

บอลลูนลอยฟ้า (Balloon Hot Air Flying) (Option 99$)ชมพระอาทิตย์ขึ้น และทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาของเมืองลักซอร์แบบ Bird’s Eye View ด้วยบอลลูนลอยฟ้า ชมมหาวิหารคาร์นักและหุบผากษัตริย์ โบราณสถานไอยคุปต์โบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก และอารยธรรมอียิปต์โบราณที่อาบแสงสีทองของพระอาทิตย์จากมุมสูง*กรณีลูกค้าไม่สามารถขึ้นบอลลูนได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือบอลลูนงดให้บริการ ลูกค้าสามารถขอรับเงินค่าบอลลูนคืน เมื่อกลับถึงประเทศไทย ในกรณีที่บอลลูนให้บริการตามปกติแต่ลูกค้ายกเลิกด้วยเหตุผลส่วนตัว ลูกค้าไม่สามารถขอรับเงินค่าบอลลูนคืนได้

วิหารคาร์นัก (Great Temple of Karnak) มหาวิหารคาร์นัค (Karnak Temple Complex) ตั้งอยู่ที่เมืองลักซอร์ ประเทศอียิปต์ ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในอียิปต์ ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของชาวอียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่ เทพเจ้าอะมอนรา (Amon-Re) เมื่อ 3,600 ปีก่อน หลังจากนั้น ฟาโรห์องค์ต่างๆ ก็เริ่มสร้างเพิ่มเติมกันเรื่อยๆ จนถึงสมัยที่โรมันเข้าครอบครองอียิปต์ ความโดดเด่นของวิหารคาร์นัคนั้นอยู่ที่ รูปปั้นสฟิงซ์หัวแกะ หมอบนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าวิหารเรียงรายจนเข้าไปถึงด้านใน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเทพเจ้า ในส่วนหน้าของวิหารมีเสาโอเบลิสก์ ของฟาโรห์หญิง อัตซิปสุต สูงเด่นเป็นสง่าอยู่อย่างเด่นชัด และไฮไลท์ของวิหารแห่งนี้ คือ ห้องโถงเสาปาปิรุส ที่มีเสามากกว่า 100 ต้น ตั้งอย่างเป็นระเบียบและมั่นคง และ รูปสลักฟาโรห์พินูดเจม (Pinudjem) ที่นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอียิปต์ที่สวยงาม และยังคงความยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน

วิหารลักซอร์ (Luxor Temple) แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ชื่อดังของเมืองลักซอร์ ประเทศอียิปต์ สร้างโดยฟาโรห์อเมโนฟิสที่3 ( Ramses II) เป็นวิหารทรายเนื้อละเอียดขนาดใหญ่ อายุราว 3,400 ปีสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนของเทพเจ้าอะมอนรา (สุริยะเทพ) และครอบครัว

ในสมัยโบราณหน้าวิหารมีเสาโอบิลิสก์ เสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักด้วยอักษรอียิปต์โบราณ (เฮโรกริฟฟิค) เพื่อสรรเสริญเทพเจ้าอมอนราตั้งอยู่สองต้นเคียงกัน แต่ปัจจุบันเสาต้นหนึ่งถูกนำไปตั้งไว้ที่จัตุรัสคองคอร์ดกรุงปารีส เพื่อเป็นของขวัญแด่จักรพรรดินโปเลียน หลุยส์ โบนาปาร์ท ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1835 ภายในบริเวณวิหารประกอบด้วยซุ้มประตูขนาดใหญ่และรูปสลักหินแกรนิตขนาดมหึมา สลักเป็นรูปฟาโรห์รามเซสที่ 2 และมหาราชินีเนเฟอตารี

วิหารแห่งเดนเดรา (Dendera Temple) มหาวิหารที่บูชาเทพีแห่งความรักอย่างเทพีฮาเธอร์   ตั้งห่างออกมาทางตอนเหนือของเมืองลักซอร์  ประมาณ 70 กิโลเมตร ตัววิหารเดนเดราโดดเด่นด้วยเสาทรงเทพีฮาเธอร์ ประดับด้านหน้าถึง 6 เสา ด้านในมีห้องโถง ห้องเสาไฮโปสไตล์ ห้องบูชาด้านในอีกหลากหลายห้อง ที่สำคัญที่สุดก็คือห้องบูชาหลัก (Sanctuary) ของเทพีฮาเธอร์ ที่ประดิษฐานรูปปั้นรวมทั้งเรือศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในขบวนแห่ และบริเวณด้านหลังของวิหารเดนเดราแห่งนี้ ที่มีช่องทางเดินลงไปยังคูหาใต้ดิน (Crypt) ซึ่งมีภาพหลอดไฟสุดล้ำของชาวอียิปต์โบราณสลักเอาไว้